“การผ่าตัดดึงหน้า” คืออะไร ทำไมถึงนิยมกัน

ดึงหน้า

การมีใบหน้าที่เต่งตึงนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนปรารถนา โดยเฉพาะผู้หญิงเรา เมื่ออายุเยอะขึ้นแล้วแต่ผิวหน้ายังตึงเปรี๊ยะ ก็จะรู้สึกปลาบปลื้มอยู่ไม่น้อย และคงอยากให้ความเต่งตึงนี้คงอยู่ไปตลอด แต่ในความเป็นจริงแล้วร่างกายของเรา จะมีการเปลี่ยนแปลงและเสื่อมสภาพไปตามวัย ผิวหน้าที่เคยเปล่งปลั่งเต่งตึงสดใส ก็จะเกิดริ้วรอย เหี่ยวย่น หย่อนคล้อย ไม่เต่งตึงยิ่งวัยเพิ่มมากขึ้น ความหย่อนคล้อยก็จะยิ่งเห็นชัดเจน อาทิเช่น หางคิ้วจะตกลง หนังตาด้านข้างจะหนาขึ้น แก้มห้อยย้อย มุมปากตก ร่องแก้มลึก ผิวบริเวณคอหย่อน ริ้วรอยแห่งวัยยิ่งเด่นชัดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งฟ้องอายุมากเท่านั้น แถมยังส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองอีกด้วย และทางที่จะทำให้ผิวหน้ากับมาเต่งตึงอย่างเห็นผลทันตามากที่สุด คือ การทำศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า ซึ่งการผ่าตัดดึงหน้าจะช่วยยกผิวหน้าที่หย่อนคล้อย ให้กลับมาเต่งตึงอีกครั้งแถมยังเพิ่มความกระชับของผิวหน้า ช่วยลดความเด่นชัดของความหย่อนคล้อย วันนี้เราจะพาทุกคนมาดูว่าการผ่าตัดดึงหน้า คืออะไร ทำไมถึงนิยมกัน พร้อมแล้วไปอ่านกันเลย 

การผ่าตัดดึงหน้า คืออะไร

คือ กาศัลยกรรมเพื่อทำการยกกระชับในส่วนของกล้ามเนื้อ และไขมันใต้ผิวหนัง เพื่อให้ใบหน้านั้น กลับไปอยู่ที่ตำแหน่งเหมาะสม รวมถึงทำการตัดผิวหนังที่เป็รส่วนเกินออกไป เพื่อทำให้ใบหน้ามีความกระชับ เรียบเนียนมากขึ้น โดยการศัลยกรรมเพื่อดึงหน้านี้ เรียกได้ว่าจะคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า กลับมาดูสดใส เปล่งปลั่ง เป็นธรรมชาติ แถมยังลดริ้วรอย ที่หย่อนคล้อยตามใบหน้า ด้วยการใข้เทคนิคผ่าตัดแบบในปัจจุบันที่มีความทันสมัย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติ สวย ฟื้นตัวไวอีกด้วย

การผ่าตัดดึงหน้า เหมาะสำหรับใคร

  • ผู้มีปัญหาเรื่องตีนกา, ร่องแก้ม, รอยย่น บนผิวหน้า, หางตาไม่เท่ากัน
  • ผู้ที่มีปัญหาหนังตาหย่อนคล้อยมีผิวหนังส่วนเกินบริเวณเปลือกตา
  • ผู้ที่มีผิวหนังบริเวณ ใบหน้าหย่อนคล้อย
  • ผู้ที่มีปัญหาแก้มห้อย แก้มไม่เท่ากัน

ผ่าตัดดึงหน้าส่วนไหนได้บ้าง

การผ่าตัดเพื่อดึงที่หน้าสามารถทำได้เฉพาะส่วน ได้แก่

  • การดึงในส่วนหน้าผาก  
  • การยกคิ้ว  
  • การดึงที่หน้าส่วนกลาง  
  • การยกโหนกแก้ม  
  • การดึงที่หน้าส่วนล่าง  
  • การแก้ไขเหนียงใต้คาง  
  • การดึงคอทั้งด้านข้างและตรงกลาง  

นอกจากนี้การผ่าตัดเพื่อดึงในส่วนหน้า สามารถทำพร้อมกับการศัลยกรรมแบบอื่นๆได้ เช่น การเก็บถุงใต้ตา การผ่าตัดหนังตา การเสริมจมูก การเสริมโหนกแก้ม การเสริมคาง การเติมไขมันบริเวณใบหน้า หรือการดูดไขมัน เป็นต้น  

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดดึงหน้า

  • ควรงดยารักษาสิว ชนิดที่มีส่วนผสมของวิตามิน A อย่างน้อย 6 เดือนก่อนการผ่าตัด เพราะอาจมีผลต่อการหายของแผล 
  • ควรงดการทำ Botox, Filler  บริเวณใบหน้า อย่างน้อย  6 เดือนก่อนผ่าตัด
  • ควรเตรียมความพร้อมของร่างกาย ด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ  
  • ควรมีการตรวจสุขภาพประจำปี หากมีโรคประจำตัว ควรพบแพทย์เพื่อรักษา และควบคุมอาการให้อยู่ในภาวะปกติก่อน 
  • ควรงดการทำ Laser  ร้อยไหมบริเวณใบหน้า อย่างน้อย 3 เดือนก่อนผ่าตัด
  • ควรงดสูบบุหรี่ก่อน และหลังผ่าตัด อย่างน้อย 4 สัปดาห์ 
  • ควรงดการเจาะ สักร่างกาย หรืออาบแดด อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
  • ควรหลีกเลี่ยงการผ่าตัดในช่วงที่ใกล้ หรือ กำลังมีประจำเดือน หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์ เพื่อวางแผนการเลื่อนประจำเดือน 
  • ควรงดใช้ยาที่จะมีผลกับในเรื่องการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด พวก Ticlid, Aspirin, Plavix,Coumadin, or Aggrenox.  หากใครมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวถึงความปลอดภัยในการหยุดยา รวมถึงยาแก้ปวดประเภท Nsaids เช่น Ibuprofen, Advil, Motrin, Nuprin, Aleve, Relafen, Naprosyn,  Diclofenac, Naproxen, Voltaren, Daypro, Feldene, Clinoril, Lodine, Indocin, Orudis เป็นต้น และยาระงับประสาท ยานอนหลับบางชนิด เช่น Zoloft, Lexapro, Prozac, Pristiq เป็นต้น 
  • ควรงด วิตามิน อาหารเสริมทุกชนิด ที่อาจมีผลกับการแข็งตัวของเลือด อาทิเช่น Multivitamins, Fish oil, Omega3, Co-enzyme Q10, Evening Primrose Oil, Glucosamine, Arnica, Ginseng, Gingko, herbs เป็นต้น อย่างน้อย 10 วันก่อนการผ่าตัด

นอกจากนี้ คนไข้ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดดึงหน้า ความเสี่ยง ผลลัพธ์ และควรปรึกษาแพทย์ เพื่อพูดคุยถึงความคาดหวัง หลังการผ่าตัดดึงหน้ากับแพทย์ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน และเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด  

ผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ จากการผ่าตัดดึงหน้า

  • รอยแผลเป็นที่อาจเกิดขึ้น แต่หากไม่มีประวัติแผลเป็นประเภทคีลอยด์ ก็จะได้รับผลลัพธ์ที่เรียบเนียน
  • การยืด ดึงรั้ง หรือตัดขาดของเส้นประสาทใบหน้า ซึ่งอาจทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าบางส่วน ไม่สามารถทำงานได้ แต่โดยส่วนมากจะกลับมาทำงานได้ตามปกติภายใน 3-6 เดือน ในกรณีนี้อาจจะพบได้น้อย เพียง 1-3% เท่านั้น
  • ความเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่ ภาวะเลือดออก ,เลือดคั่ง ,ภาวะแทรกซ้อนในการหายของแผล ,ผิวหนังขาดเลือดมาเลี้ยง เป็นต้น มักพบในคนที่สูบบุหรี่จัด หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหลอดเลือด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น แต่หากควบคุมอาการได้ดีก็สามารถผ่าตัดได้

นี่ก็คือ บทความรู้ “การผ่าตัดดึงหน้า คืออะไร ทำไมถึงนิยมกัน“ ที่เรานำมาฝากกัน สำหรับที่มีปัญหาเรื่องตีนกา, ร่องแก้ม, รอยย่น บนผิวหน้า, หางตาไม่เท่ากัน ,หนังตาหย่อนคล้อยมีผิวหนังส่วนเกินบริเวณเปลือกตา,ใบหน้าหย่อนคล้อย,แก้มห้อย แก้มไม่เท่ากัน ซึ่งเกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น แล้วอยากที่จะแก้ไขด้วยการผ่าตัดดึงหน้า เพื่อให้ใบหน้ากลับมาเต่งตึงสดใสเปล่งปลั่งดูอ่อนกว่าวัย ก็ควรที่จะเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีศัลยแพทย์ผผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัดดึงหน้า เพื่อผลลัพท์ที่ดีและพึงพอใจสูงสุด เราขอแนะนำที่ Q clinic ที่นี่เรามีศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัดดึงหน้าโดยเฉพาะพร้อมที่จะให้คำปรึกษากับคนไข้อย่างตรงไปตรงมาสนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลหรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมหรือปรึกษาได้ที่ https://qhospital.com/