การวัดปริมาณไขมันในร่างกาย

การวัดปริมาณไขมันปก

ไขมันในร่างกาย

          ปกติแล้วร่างกายของคนเราจะประกอบไปด้วย กระดูก กล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ น้ำ และไขมัน ในคนที่ออกกำลังกายและควบคุมอาหารเป็นประจำ อาจจะมีน้ำหนักตัวเยอะ ร่างกายท้วมใหญ่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนนั้นจะเข้าสู่ภาวะโรคอ้วน เพราะอาจจะเป็นน้ำหนักของมวลกล้ามเนื้อ แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าเรามีไขมันส่วนเกินในร่างกายเกินมาตรฐานรึเปล่า วันนี้Qclinic มีวิธีการวัดปริมาณไขมันในร่างกายด้วยตัวเองแบบง่ายๆมาฝากกันค่ะ

การวัดปริมาณไขมันในร่างกาย

การวัดไขมัน

       วิธีการวัดปริมาณไขมันในร่างกายด้วยตัวเองที่แม่นยำสามารถทำได้โดยใช้เครื่องหนีบไขมัน หรือ คาลิเปอร์ (Fat Caliper) เป็นการวัดเปอร์เซนไขมันในร่างกาย ด้วยค่าความหนาของขั้นไขมันรวมกับผิวหนัง ที่คิดค้นโดยนักวิทยาศาตร์ด้านสุขภาพเป็นการใช้อุปกรณ์หนีบดึงบริเวณผิวหนังส่วนเกินแต่ละตำแหน่ง โดยผู้ชายและผู้หญิงจะวัดจากตำแหน่งที่แตกต่างกันดังนี้

ผู้ชาย 

  1. บริเวณหน้าท้อง ใกล้กับสดือ (Abdomen) วัดห่างจากสดือประมาณ 2 cm แล้วหนีบในแนวตั้ง 
  2. บริเวณหน้าอก (Chest) วัดบริเวณกึ่งกลางระหว่างหัวนม และ รักแร๊ โดยหนีบในแนวเฉียง
  3. บริเวนหน้าขา (Thigh) วัดตรงกลางของท่อนขาด้านหน้าช่วงบน หนีบในแนวตั้ง

ผู้หญิง

  1. บริเวณหลังแขน (Triceps) วัดตรงระหว่างกลางของช่วงข้อศอกกับหัวไหล่ แล้วหนีบในแนวตั้ง
  2. บริเวณท้องด้านข้าง (Suprailiac) วัดให้เหนือจากด้านหน้าของกระดูกเชิงกราน หนีบในแนวเฉียงตามลักษณะของกระดูกเชิงกราน
  3. บริเวนหน้าขา (Thigh) วัดตรงกลางของท่อนขาด้านหน้าช่วงบน หนีบในแนวตั้ง

         ตำแหน่งเหล่านี้เป็นจุดสะสมของไขมัน โดยวัดจากฝั่งที่เราถนัด เช่นถนัดขวาให้วัดจากฝั่งด้านขวาโดยจะหนีบตามแนวขวาง ที่สำคัญต้องใช้แรงกดเท่ากันทุกตำแหน่งเพื่อความแม่นยำ เมื่อได้ตัวเลขจากการวัดด้วยคาลิเปอร์ ทั้ง 3 จุดแล้วให้นำตัวเลขที่ได้มารวมกัน แล้วหาร 3 จะเท่ากับค่าของเปอร์เซ็นไขมันในร่างกาย เมื่อเราได้ค่าเปอร์เซ็นไขมันในร่างกายแล้วสามารถนำไปเปรียบเทียบกับตารางค่าความหนาของไขมัน (หน่วยมิลลิเมตร)

ตารางวัดค่าไขมันผู้หญิง
ตารางวัดค่าไขมันผู้ชาย

ขอบคุณภาพจาก lovefitt.com

       หากพบว่าตัวเองมีไขมันส่วนเกินอยู่ในปริมาณมากสามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อหาวิธีการแก้ปัญหาให้ตรงจุดได้ และการดูดไขมันถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างปลอดภัย โดยการดูดไขมันคือการดูดเอาไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดที่เราไม่ต้องการออกจากร่างกาย โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก หลายคนคงมีความเข้าใจผิดๆว่ายิ่งดูดออกเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ซึ่งจริงๆแล้วตามหลักทางการแพทย์ ในการดูดไขมัน 1 ครั้ง ไม่ควรเกิน 5 ลิตร (ประเมินจากคนที่น้ำหนักตัว 70 กิโลกรัม) หากมีคำถามว่าดูดไขมันทั้งตัวพร้อมกันได้หรือไม่ ? ดูดได้บริเวณไหนบ้าง ? สามารถหาคำตอบได้จากบทความก่อนหน้า คลิก

Scroll to Top