ข้อควรรู้ !! ก่อนการตัดสินใจผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

ลดขนาดหน้าอก

หน้าอกใหญ่ใครว่าน่าอิจฉา บางครั้งการที่มีหน้าอกใหญ่มากจนเกินไป ก็อาจสร้างปัญหาให้ได้เหมือนกัน อย่างเช่น อาการปวดคอ ปวดหลัง สายเสื้อชั้นในที่ดึงรั้งรับน้ำหนักมากจนกดทับบ่า มีอาการชาที่ปลายมือ เพราะน้ำหนักเต้าดึงรั้งแผงกล้ามเนื้อหน้าอกจนกดเบียดเส้นประสาท และที่สำคัญมักตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่น จนทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจ แต่ปัญหาต่างๆเหล่านี้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก วันนี้เราจึงมีข้อควรรู้การตัดสินใจผ่าตัดลดขนาดหน้าอก สำหรับใครที่กำลังจะตัดสินใจผ่าตัดลดขนาดหน้าอก มาฝากกัน ไปอ่านเลย

การลดขนาดหน้าอก คือ

การผ่าตัดเพื่อนำไขมันส่วนเกิน เนื้อเยื่อ และผิวเต้านมบางส่วนออก และทำให้เต้านมมีขนาดเล็กลง เพราะจากการที่เต้านมมีขนาดใหญ่ หรือ มีน้ำหนักมากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อร่างกาย และจิตใจ อย่างเช่น อาการปวดไหล่ ปวดคอ กระดูกเคลื่อน ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ และเกิดการประหม่าได้

การผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก โดยส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

  • กลุ่มผู้หญิงที่อายุค่อนข้างน้อย
  • กลุ่มผู้หญิงที่ผ่านการมีบุตรมาแล้ว กับผู้สูงอายุ โดยกลุ่มนี้จะมีปัญหาเนื้อเต้านมจะเหลว เต้านมจะห้อยคล้อยลงมากกว่าปกติ

ผู้ที่เหมาะกับการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

  • ผู้ที่รู้สึกไม่มั่นใจ จากขนาดหน้าอกที่ใหญ่เกินไป
  • ผู้ที่มีรอยแตกลายใต้เต้านม จากขนาดหน้าอกที่ใหญ่เกินไป
  • ผู้ที่มีปัญหาในการหาขนาดเสื้อผ้ามาสวมใส่ให้พอดี
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบกระดูก เช่น หมอนรองกระดูกเคลื่อน (Herniated discs) จากการรับน้ำหนักหน้าอกมากไป
  • ผู้ที่ปวดคอ หัวไหล่ หลัง หรือศีรษะ จากการรับน้ำหนักหน้าอกมากเกินไป
  • ผู้ที่หน้าอกใหญ่ไม่เท่ากัน หรือไม่สมส่วนกับร่างกาย
  • ผู้ที่เป็นผื่น หรือระคายเคือง บริเวณใต้ราวนมเรื้อรัง

ขั้นตอนการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

  • ศัลยแพทย์จะให้ยาสลบ หรืออาจให้ร่วมกับยาชาเฉพาะที่ด้วย
  • ศัลยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณลานนม หรืออาจเปิดบริเวณใต้ราวนมด้วยก็ได้ ขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมิน
  • แพทย์จะนำเอาเนื้อเยื่อไขมัน และผิวหนังบางส่วนออกเพื่อลดขนาดของเต้านม
  • ในบางกรณีศัลยแพทย์อาจต้องมีการปรับตำแหน่งของหัวนม เพื่อให้ดูสมส่วนกับขนาดเต้านมที่เล็กลง
  • หลังจากลดขนาดเสร็จแล้ว ศัลยแพทย์จะทำการเย็บและนำผ้าพันแผลมาปิดเอาไว้ อาจต้องใส่ท่อระบายของเหลวเพื่อลดอาการบวมหลังผ่าตัด

ลดขนาดหน้าอกมีแผลเป็นไหม

สำหรับการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของหน้าอก แผลเป็นมักจะถูกความเข้มของสีลานนมอำพรางไว้ จึงทำให้มองไม่เห็นแผลเป็น แต่หากเกิดเป็นรอยพับบริเวณที่ผ่าตัด ก็อาจต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี แล้วแผลจะค่อยๆคืนสภาพเหมือนเดิม

ผู้ที่ต้องการลดขนาดหน้าอก มีข้อห้ามดังนี้

  • ห้ามผู้ที่มีโรคประจำตัว และอาจเกิดอันตราย เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ
  • ห้ามผู้ที่ไม่ต้องการให้มีแผลเป็น ที่บริเวณหน้าอก
  • ห้ามผู้ที่กำลังวางแผนมีบุตร ควรรอให้ผ่านช่วงให้นมบุตรไปก่อน
  • ห้ามผู้ที่สูบบุหรี่
  • ห้ามผู้ที่วางแผนลดน้ำหนัก ด้วยการออกกำลังกาย เพราะเต้านมอาจลดตามการออกกำลังกายได้เช่นกัน
  • ห้ามผู้ที่มีภาวะอ้วนมาก

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

  • อาจเกิดแผลเป็น
  • อาจใช้เวลาฟื้นตัวนาน
  • มีโอกาสที่ความรู้สึกบริเวณหัวนมจะลดลง
  • อาจมีอาการแพ้ยาชา ผ้าพันแผล หรือยาที่ใช้ในระหว่างการรักษา
  • มีโอกาสที่เต้านมทั้ง 2 ข้างจะไม่เท่ากัน
  • อาจส่งผลกระทบต่อการให้นมบุตร

การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

  • พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย  8-12 ชั่วโมง ก่อนผ่าตัดลดขนาดของหน้าอก
  • หากผู้รับบริการมีการต่อเล็บมือ เช่น เล็บเจล อะคริลิค หรือพีวีซี ต้องถอดเล็บก่อนเข้ารับบริการ เนื่องจากระหว่างการทำหัตถการจำเป็นจะต้องสวมเครื่องวัดออกซิเจนที่ปลายนิ้วเพื่อความปลอดภัย
  • งดน้ำ งดอาหาร อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ก่อนการผ่าตัด
  • ก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ควรงดรับประทานอาหารเสริม ยา หรือพวกวิตามิน ที่มีการส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินอี น้ำมันปลา ยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน สมุนไพร เป็นต้น 
  • งดสูบบุหรี่ และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนผ่าตัด อย่างน้อย 2 สัปดาห์

การดูแลตัวเอง หลังการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก

  • หลังผ่าตัดประมาณ 1-2 วัน อาจต้องใส่ท่อระบายเลือด และบางรายอาจจะมีเลือดซึมที่แผลผ่าตัดได้
  • ควรใส่เสื้อชั้นในประคองเต้านมเอาไว้ เพื่อป้องกันหน้าอกกลับมาหย่อนคล้อยอีก
  • ห้ามให้แผลโดนน้ำประมาณ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด
  • ควรนอนพักให้มากและเดินให้น้อย เพราะการเดินมากอาจทำให้แผลอักเสบได้ และควรรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
  • งดการออกกำลังกาย หรือทำงานหนัก ประมาณ 1 เดือน
  • งดรับประทานอาหารรสจัด ของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึง ควรงดสูบบุหรี่ประมาณ 1 เดือนหลังผ่าตัด
  • หลังผ่าตัดหากเริ่มรู้สึกมีอาการผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ก่อนวันนัด โดยอาการผิดปกติ เช่น แผลอักเสบ บวม แดง ปวดแผลมาก มีไข้สูง แผลแยกปริ หน้าอกบวมผิดปกติ รวมถึงบริเวณแผลมีเลือด หรือน้ำเหลืองซึมออกมา เป็นต้น 
  • หากกังวลว่าแผลผ่าตัดจะไม่เรียบ สามารถใช้ซิลิโคนแผ่นปิดแผลได้ หลังจากตัดไหมแล้ว

อ่านบทความรู้นี้แล้ว หากใครต้องการลดขนาดหน้าอก เพื่อแก้ปัญหาอาการปวดคอ ปวดหลัง สายเสื้อชั้นในที่ดึงรั้งรับน้ำหนักมากจนกดทับบ่า มีอาการชาที่ปลายมือ เพราะน้ำหนักเต้าดึงรั้งแผงกล้ามเนื้อหน้าอกจนกดเบียดเส้นประสาท รวมถึงการตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่น จนทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจแล้วล่ะก็ เราแนะนำที่ Q clinic ที่นี่มีศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก ที่สามารถให้คำปรึกษาได้อย่างดี สนใจสามารถติดต่อสอบถามรับคำปรึกษาได้ที่ https://qhospital.com/ 

Scroll to Top