ศัลยกรรมดึงหน้า (FACELIFT)
เมื่ออายุมากขึ้นปัญหาความหย่อนคล้อยริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้าก็เพิ่มตามอายุ จะแก้ปัญหาด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆก็แทบจะไม่เห็นผล ศัลยกรรมดึงหน้า (Face Lift) เป็นทางเลือกที่จะช่วยยกกระชับใบหน้าและลำคอให้ตึงและดูอ่อนวัยมากยิ่งขึ้น โดยผู้เข้ารับบริการ FaceLift ส่วนใหญ่จะมีอายุตั้งแต่ 40 ปี ขึ้นไป ซึ่งคนวัยนี้จะเริ่มเกิดปัญหา ที่บริเวณใบหน้าส่วนบน นั่นคือริ้วรอยบนหน้าผากและรอบดวงตา หากใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นQSC ได้นำข้อมูลเรื่องการศัลยกรรมดึงหน้า(Face Lift) มาฝากกันค่ะ

ขั้นตอนการศัลยกรรมดึงหน้า (FaceLift)
การศัลยกรรมดึงหน้า (Face Lift) จะแบ่งออกเป็น 4 ส่วน
- หน้าผาก (Forehead Lift)
- ใบหน้าส่วนบนและหางตาล่าง (Upper FaceLift / Temporal Lift)
- ใบหน้าส่วนกลางและส่วนล่าง (Lower FaceLift)
- ลำคอ (Neck Lift)
ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 2 ชั่วโมง โดยศัลยแพทย์จะดึงหน้าและตัดหนังส่วนเกินในปริมาณที่พอดี โดยต้องให้ความสำคัญกับการผ่าตัดที่อยู่ใกล้บริเวณเส้นประสาท ไม่ให้กระทบกระเทือนเส้นประสาทบริเวณใกล้เคียงและเส้นประสาทที่อยู่ในชั้นลึกของกล้ามเนื้อ ทำให้เส้นประสาทได้รับความบอบช้ำน้อยที่สุด ซึ่งแผลผ่าตัดจะอยู่บริเวณหนังศีรษะ รอยต่อหน้าใบหูและหลังใบหู ทั้งนี้หลังจากแผลผ่าตัดหายเป็นปกติแล้ว จะมีรอยเเผลที่เล็กมาก หากไม่สังเกตจะไม่เห็นรอยแผลผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนการศัลยกรรมดึงหน้า (FaceLift)
- งดยาต้านการอักเสบ (NSAID) เช่น แอสไพริน บุหรี่ อาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียม น้ำมันปลา อย่างน้อย 2 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัด
- หากมีโรคประจำตัวหรือมีการทานยาเป็นประจำควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
- ในกรณีที่ผ่าตัดด้วยเทคนิคดมยาสลบนอนหลับให้คนไข้งดอาหารและน้ำก่อนผ่าตัดประมาณ 6 ชั่วโมงขึ้นไป
- งดแอลกอฮอล์,บุหรี่,บุหรี่ไฟฟ้า ก่อนการผ่าตัด 1-2 เดือน
- เน้นทานโปรตีนเยอะๆเพื่อเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด 1-2 เดือน
- ในวันผ่าตัดงดแต่งหน้า งดใส่คอนแทคเลนส์ งดทาโลชั่น
การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า (FaceLift)
- ประคบความเย็นภายใน 48 ชั่วโมงแรกหลังการผ่าตัด และประคบเย็นต่อในช่วง 1-3 วันแรกหลังผ่าตัด เพื่อลดอาการบวม หลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นประคบอุ่นในวันที่ 4-7 เพื่อลดอาการฟกช้ำ
- ผ้าพันแผลแบบหนาให้ปิดไว้ 3 วันหลังผ่าตัดและหลังจาก 3 วันให้ใส่เป็น Face Lift band(สายรัดหน้า) แทน
- ระวังไม่ให้แผลเปียกน้ำอย่างน้อย 3-5 วันหลังการผ่าตัด หากแผลเปียกควรใช้ผ้าสะอาดซับบริเวณแผลให้แห้งทุกครั้ง
- ควรหนุนศีรษะด้วยหมอนสูง 2-3 วัน นอนให้ลำตัวส่วนบนสูงประมาณ 30 – 40 องศา เพื่อลดอาการบวม
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ห้ามยกของหนักหรือทำกิจกรรมที่เกิดแรงกระแทก ประมาณ 1-2 เดือน
- หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ หรืออาหารที่ทำให้หน้าบวมแดง เช่น อาหารร้อนจัด เผ็ดจัด รวมทั้งควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า อย่างน้อย 1 เดือน
- แผลผ่าตัดจะเห็นชัดในช่วงแรก และจะดีขึ้นตามลำดับภายใน 1 – 2 ปี
- ทานยาตามที่แพทย์สั่งปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดและเข้าพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
หากมีคำถามหรือข้อสงสัยสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญได้ตลอด 24 ชั่วโมง คลิกเพื่อสอบถาม หรือโทร 083-429-1999